เปิดตัว iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max พร้อมกล้องสามตัว



 

iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max พร้อมกล้องสามตัว


วันที่ 10 กันยายน 2019 ตามเวลาประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจาก Apple ได้เปิดตัว iPhone 11 ไปแล้วก็ต่อด้วย iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max จะมีอะไรที่โดดเด่นกว่า iPhone 11 มากน้อยแค่ใหน เราได้รวบรวมไฮไลท์เด่นๆ มาให้ดูกัน

iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max เปิดตัวด้วยกล้อง 3 เลนส์ตามที่ได้มีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ ส่วนการใช้คำว่า “Pro” นี่ก็เป็นครั้งแรกของไอโฟน

มาเริ่มต้นจากจุดเด่นอย่าง “กล้อง 3 เลนส์” ซึ่งจำง่ายมากเพราะความละเอียดเท่ากัน 12 MP เพียงแต่แบ่งระยะออกเป็นกว้าง, ซูม, มุมกว้างมาก

1568140781067

กล้องสามเลนส์
iPhone 11 Pro / 11 Pro Max มีกล้องหลังมาให้เป็น 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องเลนส์ Wide ความละเอียด 12MP (f/1.8), กันสั่น OIS + เลนส์ซูม 2x ความละเอียด 12MP (f/2.0), กันสั่น OIS + เลนส์ Ultrawide 120° ความละเอียด 12MP (f/2.4) มีฟงก์ชั่น Slow Motion และ Night mode แบบใหม่
1568140860375

เทคโนโลยีใหม่อย่าง Deep Fusionมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่อย่าง Deep Fusion (ทำงานร่วมกับ ML) เริ่มจากการบันทึกทั้งหมด 9 ภาพ แล้วจากนั้นจึงรวมมาเป็นภาพเดียว ทำให้ได้รูปที่สวยงามและคมชัดราวกับใช้กล้องมืออาชีพ รวมถึงยังมี Night Mode ทำให้ถ่ายกลางคือได้ไม่แพ้แบรนด์อื่น
1568140912632

กล้องหน้า 4K พร้อมโหมด Slow Motion
การถ่ายวิดีโอไอโฟนก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด (ถึงแม้ภาพถ่ายจะไม่ได้ดีที่สุด) กล้องทั้งสามสามารถถ่าย 4K 60fps HDR สามารถถ่ายทุกกล้องพร้อมกัน และมีการตัดต่อได้อย่างเรียบเนียน (Smooth Transition) และจากที่โชว์ในงานเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก



โหมดกล้องที่หลากหลาย
iPhone 11 Pro / 11 Pro Max มีโหมดการถ่ายภาพที่หลากหลายกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น Night Mode ที่สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สว่างและชัดเจนสุดๆ, โหมดซูมภาพแบบออพติคอล 2 เท่า ที่ยังคงให้ความชัดเจนและรายละเอียดของภาพแบบครบๆ, โหมดถ่ายภาพด้วยเลนส์กว้างที่เก็บได้กว้างถึง 120°



ออกแบบใหม่ สีใหม่ ดูโปร

มีการออกแบบใหม่ กับกล้องสามตัวในกรอบ ทาง Apple เรียกมันว่า “Pro design” ส่วนสีใหม่ที่เพิ่มเข้ามาก็คือสี Midnight Green และยังคงขายสามสีเดิมแบบสมัย iPhone Xs ให้ได้เลือกซื้ออยู่ (ทอง, เทา, เงิน)

iPhone 11

ใช้จอ Super Retina XDR
หน้าจอของ iPhone 11 และ 11 Pro มีขนาดและความละเอียดอยู่ที่ 5.8″ (2436 x 1125 พิกเซล) และ 6.5″ (2688 x 1242 พิกเซล) ตามลำดับโดยมีการเลือกใช้ OLED รุ่นใหม่ที่เป็น Super Retina XDR สามารถรับชมภาพยนตร์ได้ดีที่สุด รองรับมาตรฐาน HDR10, Dolby Vision และ Dolby Atmos


iPhone 11 Pro iPhone 11 Pro Max

CPU A13 แรงที่สุดในโลก
CPU เลือกใช้เป็น A13 Bionic ขุมพลังรุ่นใหม่ล่าสุด รองรับคำสั่ง 1 Trillion ต่อวินาที (หนึ่งล้านล้านคำสั่งต่อวินาที) เร็วขึ้น 20% หากเทียบกับ A12



iPhone 11 Pro iPhone 11 Pro Max

แบตเตอรี่ที่อึดกว่าเดิม
iPhone 11 ทั้ง 3 รุ่น มีการจัดการพลังงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมมากถึง 15% ทำให้ iPhone 11 Pro มีอายุของแบตเตอรี่ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง นานกว่าเดิมถึง 4 ชม. ส่วน iPhone 11 Pro Max ใช้ได้นานกว่าเดิมถึง 5 ชม. แถมด้วยระบบชาร์จไว 18W ที่ชาร์จได้จาก 0% – 50% ในเวลาแค่ราวๆ ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น (มีที่ชาร์จ 18W ให้มาในกล่องด้วย)



กันน้ำลึกได้ถึง 4 เมตร
อึดสุดๆ ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 ที่คราวนี้สามารถลงน้ำได้ลึกถึง 4 เมตร


ราคาของ IPHONE 11 ทั้ง 3 รุ่น

  • iPhone 11 : ราคาเริ่มต้นที่ 699 ดอลลาร์ ราคาศูนย์ไทยเริ่มต้นที่ 24,900 บาท
  • iPhone 11 Pro : ราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ ราคาศูนย์ไทยเริ่มต้นที่ 35,900 บาท
  • iPhone 11 Pro Max : ราคาเริ่มต้นที่ 1,099 ดอลลาร์ ราคาศูนย์ไทยเริ่มต้นที่ 39,900 บาท



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

WallyHome Water Leak Detection เหมือนมีช่างประปาประจำบ้าน

Belkin WeMo ปลั๊กไฟอัจฉริยะ

ฉนวนกันความร้อน